องค์ความรู้กัญชา

   กัญชา (Cannabis sativa) เป็นพืชที่มีประวัติการใช้มายาวนานทั้งในด้านการแพทย์ อุตสาหกรรม และวัฒนธรรม ส่วนประกอบสำคัญของกัญชา ประกอบด้วย THC (Tetrahydrocannabinol) สารเคมีสำคัญที่ทำให้เกิดอาการมึนเมาหรือ “เคลิ้ม” มีฤทธิ์ในการบรรเทาปวด คลายเครียด และทำให้ผ่อนคลาย สารนี้เป็นสารที่ส่วนใหญ่ทำให้กัญชาถูกจัดเป็นสารเสพติดในหลายประเทศ และ CBD (Cannabidiol) เป็นอีกสารเคมีที่สำคัญในกัญชา ไม่ทำให้เกิดอาการมึนเมาและมีฤทธิ์ทางการแพทย์ เช่น ช่วยลดการอักเสบ บรรเทาความวิตกกังวล และรักษาโรคบางชนิด เช่น ลมชักและโรคพาร์กินสัน ปัจจุบันกัญชามีการวิจัยอย่างกว้างขวางในหลายสาขา เพื่อทำความเข้าใจถึงคุณสมบัติและผลกระทบต่อร่างกายมนุษย์และสังคม โดยสามารถสรุปองค์ความรู้เกี่ยวกับกัญชาได้ตามหัวข้อหลัก ๆ ดังนี้

  1. การใช้กัญชาในทางการแพทย์

กัญชาทางการแพทย์ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในการรักษาหลายอาการ เช่น

  • การบรรเทาปวดเรื้อรัง: THC และ CBD ช่วยในการบรรเทาอาการปวดเรื้อรังในผู้ป่วยบางกลุ่ม
  • การรักษาอาการชักจากโรคลมชัก: CBD ถูกนำมาใช้รักษาอาการชักในผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนอง
    ต่อการรักษาแบบอื่น
  • ช่วยควบคุมความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า: CBD มีฤทธิ์ในการลดอาการวิตกกังวลและช่วย
    ในภาวะอารมณ์ที่ไม่ปกติ

– การรักษามะเร็ง: บางการวิจัยพบว่ากัญชามีผลในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้

  1. กัญชาทางอุตสาหกรรม

กัญชง (Hemp) เป็นพันธุ์กัญชาที่มี THC น้อยกว่า 0.3% และไม่ก่อให้เกิดอาการมึนเมา จึงถูกใช้
ในการผลิตสิ่งทอ เชือก กระดาษ น้ำมัน รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องสำอาง

  1. ผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ

¨ ผลต่อจิตใจ THC สามารถทำให้รู้สึกเคลิ้ม มึนเมา และทำให้สมาธิลดลง มีการศึกษาบางชิ้น
ที่พบว่า THC อาจก่อให้เกิดภาวะซึมเศร้าหรือโรคจิตในระยะยาวหากใช้มากเกินไป

¨ ผลต่อร่างกาย กัญชามีผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด อาจทำให้หัวใจเต้นเร็วและความดันโลหิตลดลง นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดปัญหาทางเดินหายใจหากใช้ในรูปแบบการสูบ

  1. สถานะทางกฎหมาย

ในหลายประเทศ กัญชาเป็นสิ่งผิดกฎหมายหรือมีข้อจำกัดในการใช้ อย่างไรก็ตาม หลายประเทศเริ่มผ่อนคลายกฎหมายเพื่อใช้ในทางการแพทย์ เช่น แคนาดา สหรัฐอเมริกา (บางรัฐ) และบางประเทศในยุโรป รวมถึงประเทศไทยที่อนุญาตให้ใช้ในบางกรณี ในประเทศไทย กัญชามีบทบาทที่ค่อยๆ ขยายออกไปตั้งแต่
ด้านการแพทย์ไปจนถึงอุตสาหกรรม โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ผ่อนคลายกฎหมายที่เกี่ยวกับกัญชา เพื่อสนับสนุนการใช้ในเชิงการแพทย์ การวิจัย และอุตสาหกรรม ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชีย
ที่เริ่มเปิดโอกาสให้มีการใช้กัญชาอย่างถูกกฎหมายภายใต้เงื่อนไขและข้อกำหนดที่เข้มงวด

สถานะและการใช้กัญชาในประเทศไทย

  • การใช้กัญชาทางการแพทย์

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 กัญชาถูกอนุญาตให้ใช้ในการแพทย์ โดยสามารถใช้รักษาผู้ป่วยบางราย เช่น ผู้ป่วยที่มีอาการปวดเรื้อรัง ลมชักที่รักษายาก และภาวะคลื่นไส้จากการทำเคมีบำบัด เป็นต้น โดยแพทย์
ที่มีใบอนุญาตสามารถสั่งจ่ายกัญชาหรือผลิตภัณฑ์จากกัญชาได้เพื่อบรรเทาอาการของผู้ป่วย การวิจัยและการใช้กัญชาในทางการแพทย์ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างจริงจัง มีการจัดตั้งคลินิกกัญชาทางการแพทย์เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาด้วยกัญชาได้มากขึ้น

  • การปลดล็อกกัญชาและกัญชง

 วันที่ 9 มิถุนายน 2565 ประเทศไทยได้ปลดล็อกกัญชาและกัญชงออกจากรายการยาเสพติด
ให้โทษประเภท 5 อนุญาตให้ประชาชนปลูกและใช้ประโยชน์ได้ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด สามารถปลูกกัญชา
ในครัวเรือนสำหรับการใช้ในครอบครัวเพื่อการรักษาเบื้องต้น แต่ต้องจดทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ปลูกกัญ” และปฏิบัติตามกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการห้ามใช้เพื่อสันทนาการ สำหรับเกษตรกรและผู้ประกอบการ
ที่สนใจปลูกกัญชาในเชิงพาณิชย์จำเป็นต้องขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) รวมถึงต้องมีมาตรการควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์

  • การผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากกัญชา

ผลิตภัณฑ์จากกัญชา เช่น น้ำมันกัญชา แคปซูลกัญชา เครื่องสำอาง และอาหารที่มีสารสกัด
จาก CBD สามารถจำหน่ายได้ในประเทศไทย แต่ต้องได้รับการอนุมัติจาก อย. และต้องเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัย ผลิตภัณฑ์ที่มีสาร THC ต้องอยู่ในระดับที่ปลอดภัยและควบคุมได้ ทั้งนี้เพื่อให้สามารถจำหน่ายได้ในท้องตลาดตามกฎหมาย

  • ข้อจำกัดและข้อควรระวัง

กัญชาในประเทศไทยยังคงถูกควบคุมอย่างเข้มงวดโดยมีกฎหมายห้ามใช้ในที่สาธารณะ
หรือเพื่อสันทนาการ หากมีการฝ่าฝืนจะมีโทษตามกฎหมาย ในส่วนของสถาบันการศึกษาและหน่วยงานวิจัยสามารถขออนุญาตทำการศึกษาเกี่ยวกับกัญชาเพื่อพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์หรือผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ได้ประเทศไทยกำลังก้าวสู่การเป็นประเทศที่มีการใช้กัญชาในเชิงการแพทย์และอุตสาหกรรมอย่างกว้างขวาง
โดยมุ่งเน้นการวิจัย การพัฒนา และการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็มีข้อกำหนดและข้อห้าม
ที่เข้มงวดในการควบคุม

กฎหมายเกี่ยวกับกัญชาในประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถใช้กัญชาในทางการแพทย์และอุตสาหกรรมได้อย่างถูกต้อง โดยมีแนวทางและข้อบังคับที่สำคัญดังนี้

  • กฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับกัญชาทางการแพทย์ ในปี พ.ศ. 2562 รัฐบาลไทยได้ประกาศ
    ให้กัญชาเป็นยาควบคุมพิเศษ โดยอนุญาตให้ใช้ในทางการแพทย์ภายใต้การดูแลของแพทย์และเภสัชกร
    ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้กัญชาในการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการปวดเรื้อรัง คลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด หรือโรคลมชักที่รักษาไม่หายขาดได้ โดยต้องได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์ที่ได้รับการอบรมพิเศษ

 

 

  • กัญชง (Hemp) และการใช้ในอุตสาหกรรม

 กัญชง ซึ่งเป็นพืชในสกุลกัญชาที่มี THC น้อยกว่า 0.2% ได้รับการอนุญาตให้ปลูกและใช้
ในอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องสำอาง รวมถึงการทำสิ่งทอ ภายใต้การควบคุมของรัฐ
ผู้ที่ต้องการปลูกหรือแปรรูปต้องได้รับใบอนุญาตจาก อย.

กฎหมายการปลูกและการแปรรูปกัญชา

บุคคลธรรมดาที่สนใจปลูกกัญชาสำหรับใช้เองหรือเพื่อจำหน่ายในประเทศไทยต้องได้รับอนุญาต
จาก อย. และต้องปลูกในสถานที่ที่ได้รับการรับรองและอยู่ในเงื่อนไขที่กำหนด สำหรับเกษตรกร องค์กร
และสถาบันการศึกษา สามารถขออนุญาตปลูกกัญชาเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการวิจัยและการศึกษา
ทางการแพทย์ได้

การครอบครองและการใช้กัญชา

การครอบครองหรือใช้กัญชาต้องเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์หรืออุตสาหกรรมที่ได้รับอนุญาต หากมีการครอบครองโดยไม่มีใบอนุญาตหรือใช้นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่กฎหมายกำหนด อาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับการใช้กัญชาในที่สาธารณะหรือเพื่อการสันทนาการถือเป็นสิ่งต้องห้าม
และมีโทษปรับหรือจำคุกหากพบว่ามีการกระทำดังกล่าว

การจัดจำหน่ายและผลิตภัณฑ์จากกัญชา

ผลิตภัณฑ์จากกัญชา เช่น น้ำมันกัญชา หรือสารสกัด CBD ต้องผ่านการทดสอบและรับรองมาตรฐานจาก อย. ก่อนนำออกสู่ตลาด ในส่วนของผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องสำอางที่มีสารสกัดจากกัญชงสามารถจำหน่ายได้ โดยมีเงื่อนไขว่าปริมาณสาร THC และ CBD ต้องไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด

 

การผ่อนปรนในการวิจัยและพัฒนา

ภาครัฐไทยสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับกัญชาและกัญชงในสถาบันการศึกษาและหน่วยงานวิจัย เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่และเพิ่มศักยภาพในด้านการแพทย์และเศรษฐกิจ

ข้อห้ามและข้อจำกัด

  • ห้ามใช้กัญชาเพื่อสันทนาการในที่สาธารณะ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับหรือจำคุก
  • การครอบครองหรือใช้กัญชาโดยไม่มีใบอนุญาตหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย

เอกสารอ้างอิง

          กองควบคุมวัตถุเสพติด. 2564. กฎ ระเบียบ ที่เกี่ยวข้องกับ กัญชาและกัญชง. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณะสุข.

          พิทยา สุนทรประเวศ. 2564. การพัฒนากัญชาทางการแพทย์ในวิสาหกิจชุมชน. วารสารวิชาการไทยวิจัยและการจัดการ. ปีที่ 2, ฉบับที่ 1, หน้า 86-102.

          ไพศาล ลิ้มสถิต. นโยบายและกฎหมายกัญชาทางการแพทย์ที่เหมาะสมของไทย. หมอชาวบ้าน. ศูนย์กฎหมายสุขภาพและจริยศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. ปีที่ 45, ฉบับที่ 537,
หน้า 33-35.

          สถาบันกัญชาทางการแพทย์. 2565. ใช้กัญชาอย่างเข้าใจ รับ รู้ ปรับใช้ เพื่อสุขภาพที่ดีและปลอดภัย.

            ศูนย์รวมข้อมูลกัญชา กัญชง.  https://cannabisinfo.fda.moph.go.th/

U.S. FOOD & DRUG. Administration. FDA Regulation of Cannabis and Cannabis-Derived Products, Including Cannabidiol (CBD).

Scroll to Top